welcome to crescent moon space

welcome to crescent moon space
small but beautiful small alternative space for theatre lovers

Friday 31 July 2009

นักแสดงและทีมงานใน RUN



นักแสดง

กฤษณะ พันธุ์เพ็ง
ชายหนุ่มผู้รักสงบ แต่ชอบอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ ชอบเล่นละคร แต่ดันมาเป็นอาจารย์ อยากมีเงิน แต่ต้องมาทำละครเวที ส่วนใหญ่จะทำหน้าที่นักแสดง กำกับเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 3 ในชีวิต กำลังจะมีเรื่องที่ 4 เล่นเดือนกันยายน

วรัญญู อินทรกำแหง
สมาชิกหลักของกลุ่ม B Floor มีอาชีพหลักเป็นนักเขียนประจำกองบรรณาธิการนิตยสารผู้ชายที่ไม่ใช่นางนวล... ตอนนี้กำลังตั้งใจว่าจะเลิกเล่นละครสักพัก เพื่อเก็บตัวเขียนหนังสือเป็นชิ้นเป็นอันของตัวเองสักเล่ม

นัยพร จันทร์นิเวศน์
สาวน้อยบ้านนา เธอเดินทางมายังเมืองหลวงแห่งนี้ เพื่อตามหาฝันของตัวเอง แม้ตอนนี้เธอจะสำเร็จการศึกษาจากสถาบันมีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง แต่งานประจำเธอก็ยังหามีไม่ ข้ออ้างที่ใช้เพื่อบอกคนอื่นไปวันๆคือ ทำละคร...ด้วยใจรัก หรือไม่รัก ก็ยังไม่รู้ ที่ผ่านมาเธอก็เล่นละคร ปัจจุบันเล่นละครเรื่อง “run” และเธอก็ขอทำงานด้านละครต่อไป

ปานรัตน กริชชาญชัย

สาวน้อยหน้าใสใจรักละคร อายุยังไม่มาก ปัจจุบันก็เล่นละครแทบจะเป็นงานอาชีพหลัก ส่วนอาชีพเสริมก็เดินเล่นไปมาแถวๆสถาบันปรีดี พนมยงค์ กำลังจะมีผลงานละครของตัวเอง เรื่อง “ช่อมาลีรำลึก” ที่ Crescent Moon space ในเดือนสิงหาคมนี้ (เล่นเอง กำกับเอง แต่ไม่อยากดูเองค่ะ)

ทีมงาน

ผู้กำกับการแสดง

หนุ่ม กฤษณะ พันธุ์เพ็งฃ
นักแสดงและผู้ร่วมสร้างสรรค์
บอล วรัญญู อินทรกำแหง, แอ๋ม ปานรัตน กริชชาญชัย
นักแสดงรับเชิญ
อิ๋ว ปานรัตน กริชชาญชัย
ออกแบบแสง
พี่แอ๋ม ทวิทธิ์ เกษประไพ
ควบคุมแสง
อิท พลัฏฐ์ สังขกร
ควบคุมเสียง
เบส วิชย อาทมาท
ออกแบบสื่อสิ่งพิมฑ์, ควบคุม-ตัดต่อภาพเคลื่อนไหว
บิว พัชชา พิพัฒนามงคล
กำกับเวที
คะน้า คนาวัลย์ แสงมุข, ต้องตา รตีวาร สวาวสุ
ฝ่ายต้อนรับ
ตั้ม สุวิชชา สุวิสุทธิ์
Animation
กฤตและนิว CG ศิลปกรรมฯ DPU
แต่งหน้าโดย
แพทตี้และทีม


Thursday 30 July 2009

RUN review


RUN: ทดลอง ค้นหา วิ่งวน ถึงเส้นชัย
Written by ณัฐพัชญ์


ในช่วงหลัง ๆ ของการแสดงละครเวทีในโรงเล็ก ๆ อย่าง Crescent Moon Space นั้น เรามักพบการทดลองและค้นหาแนวทางการนำเสนอใหม่ ๆ ที่มากกว่าการเป็นแค่ละครพูดธรรมดาแบบฉากต่อฉาก ไม่ว่าจะเป็นการผสมผสานแสงเสียง ดนตรี มัลติมีเดีย จนประมาณว่าเป็นเหมือนการ “ปล่อยของ” ของผู้เขียนบทและผู้กำกับ

จนหลาย ๆ ครั้งผมเองก็รู้สึกว่าละครเวทีโรงเล็ก ๆ เหล่านี้กำลังจะไปไกลกว่าละครเวทีที่คนทั่ว ๆ ไปเข้าใจกันเสียแล้ว



RUN ผลงานจากฝีมือของกฤษณะ พันธุ์เพ็งก็เหมือนจะรู้ตัวดีแถมประกาศตัวแต่ไก่โห่ด้วยซ้ำว่า Exploring Theatre ซึ่งแน่นอนว่าละครเวทีเรื่องนี้ก็คงมีอะไรให้ค้นหา (พอ ๆ กับที่ผู้กำกับก็กำลังค้นหาอะไรบางอย่างไปพร้อม ๆ กับคนดู) และโดยส่วนตัว...ผมว่ามันเป็นละครที่มีสีสันจัดจ้านแบบเป็นตัวของตัวเองด้วยเลยทีเดียวล่ะ



เริ่มเรื่อง RUN อาจจะทำให้เรางงเล็ก ๆ เมื่อพบว่ามันเป็นทั้ง Dance และ Physical ในฉากแรก ๆ จนอาจจะทำให้คนดูหัวปั่นได้ว่า “ต้องการอะไรจากผม” แต่เหมือนผู้กำกับจะรู้ดีว่าขืนทำไปเรื่อย ๆ คนดูคงได้เมาคาโรงละครตลอดชม.ครึ่งเป็นแน่ จะกระโดดเข้าสู่การเป็นบทละครพูดว่าด้วยเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่าง “มะเหมา” กับ “หงาย” สองชายหนุ่มที่บังเอิญ(?) ไปพบกันในฟิตเนสแห่งหนึ่ง และเริ่มสร้างความสัมพันธ์ต่อจากนั้น ก่อนท้ายที่สุดมันจะไม่ใช่ความสุขแต่กลายเป็นความเศร้าแทน


หนึ่งในกลวิธีการเล่าเรื่องแบบทดลองที่เราเจอกันบ่อย ๆ ในละครเวทีสมัยใหม่คือการสร้างภาพปะติปะต่อเหมือนภาพตัดแปะมาเรียงต่อ ๆ กัน แน่นอนว่าบางครั้งมันก็รู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้างถ้าเราเป็น “คนนอก” ที่ไม่ได้เข้าไปอยู่กับเรื่อง แต่ในอีกมุมนึงนั้น หากเราลองเทียบเคียงเป็นคนที่เกิดสถานการณ์แบบนั้น สภาวะจิตใจของเราก็ไม่ต่างจากความทรงจำที่ขาดวิ่นนำมาเรียงต่อ ๆ กันและมีหลายช่วงที่ขาดหายหรือบิดเบี้ยวไป ซึ่งส่วนนี้หลาย ๆ คนอาจจะมองข้ามไปว่าคล้ายกับการนำเสนอแบบ Expressionism โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหลาย ๆ ฉากถูกนำเสนอออกมาด้วย Physical Theatre แทนที่จะเป็นการเล่าเรื่องด้วย Dialogue ปรกติ นั่นยังไม่รวมถึงการผสมผสานระหว่างสื่อมัลติมีเดีย ภาพเคลื่อนไหว รวมไปถึงบทละครที่ “เล่า” ด้วยวิธีที่แหวกแนวทับซ้อนเข้าไปอีก

จุดที่ผมชอบที่สุดคือการที่ละครลากคนดูให้รู้สึกเหมือนกับการพาทัวร์งานแสดงศิลปะแห่งหนึ่ง ที่ประกอบไปด้วยภาพความทรงจำต่าง ๆ ของตัวละคร แต่ภาพต่าง ๆ ประกอบไปด้วยงานที่มีสไตล์ต่างกันแบบสุดขั้ว รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ก็พอจับเส้นทางของเรื่องราวไปเรื่อย ๆ ได้ ซึ่งก็เป็นจุดดีที่ผู้กำกับไม่ปล่อยให้เราออกทะเลกันไปจนกู่ไม่กลับ ก่อนที่สุดท้ายจะมาขมวดปมในการโยนคำถามกลับให้คนดูในฉากสำคัญเพื่อแสดงความคิดเห็นว่าสาเหตุของปัญหาในความสัมพันธ์ของตัวละครนั้นเกิดจากอะไร

อีกประเด็นหนึ่งที่ละครกำลังทดลองกับผู้ชมและได้ผลดีคือการสร้างสีสันให้เรื่องดูสนุกสนานกับการแดกดันและเปลือยความจริงให้ฮากลิ้งกับหลาย ๆ ฉาก เช่นฉาก Spa ที่ให้บริการ....​(ไปเดาเอาเองนะครับ) รวมถึงรายการทอล์คโชว์ที่ประชดประชันสังคมนอกโรงละครได้อย่างสุดฤทธิ์ ซึ่งนี่ผมว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของละครเวทีโรงเล็ก ๆ ที่สามารถจะกล้า “กัด” และ “กระแทก” สังคมอย่างตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม ไม่ต้องกลัว กบว. ซึ่งแน่นอนว่าเราดูในโรงละครใหญ่ ๆ ไม่ได้ (และโดยส่วนตัว ผมว่ามันสนุกว่าละครเวที Sit Com ในทีวีที่พยายามเล่นมุกตลกคาเฟ่ที่สัปดนยิ่งกว่าหลายเท่านัก)



การใช้ Physical Theatre มาผสมน่าจะเป็นสิ่งที่ชัดเจนที่สุดของคำว่า “ทดลอง” ที่ผู้ชมน่าจะนึกคิดตลอดการดูละคร ซึ่งก็มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย แต่สิ่งที่น่าจะเป็นปัญหาคือความ “ชัดเจน” ของ Physical ที่น่าจะเป็นการบ้านกลับไปให้ผู้ทดลองคิดถึงแนวทางของตัวเองที่คมกริบกว่านี้ เพราะหลาย ๆ ครั้งนั้น ภาพที่เห็นบนเวทีออกจะเบลอ ๆ และสับสนจากการพยายามสร้าง Action ที่มีรายละเอียดค่อนข้างเยอะจนกลายเป็น “รก” และเทียบเคียงยากอยู่เสียหน่อย



ตัวกฤษณะ พันธุ์เพ็งเองที่นอกจากจะกำกับ สร้างสรรค์แล้ว ก็ยังแสดงเป็นตัวละครเอกเองอีกด้วย และเราก็ต้องยอมรับว่าเขาเป็นคนที่แสดงละครเวทีแนวนี้ได้อย่างเจนจัดคนหนึ่ง จังหวะของการเปลี่ยนแปลงอารมณ์ Beat ของการแสดงได้อย่างดี เช่นเดียวกับ วรัญญู อินทรกำแหง นักแสดง Partner ของเขาที่แม้จะมีสไตล์การแสดงที่แตกต่างกัน แต่ก็กลายเป็นเคมีที่เข้ากันได้อย่างดีบนเวที

ที่จะกินซีนที่สุดแม้จะออกมาน้อยที่สุดคือปานรัตน กริชชาญชัย ที่เราคงเห็นเธอบ่อยเหลือเกินกับละครเวทีวิกเล็ก ๆ แบบนี้ แต่ก็อย่างที่ประโยคแรกว่าเอาไว้ เพียงฉากไม่กี่ฉากที่เธอออกมาก็เรียกว่าเหมือนกับการสาดสีจัด ๆ ลงไปบนละครจนดูตื่นตาตื่นใจขึ้นมาทันที (โดยส่วนตัว ผมว่าเธอเป็นนักแสดงหญิงที่พูดบทตลกหน้าตายหรือแดกดันได้อย่างเจ็บแสบที่สุดคนหนึ่งเลยทีเดียว) ผมพลิกมองสูจิบัตรที่เล่นเรื่องการวิ่งแข่งมาเป็น Key Visual (ก็ตามชื่อเรื่องนั่นแหละครับ)

เอาล่ะ เมื่อละครเริ่มแสดง มันก็คล้าย ๆ กับผู้ชมเริ่มวิ่งออกจากจุดสตาร์ทแล้ววิ่งตามนักแสดงที่วิ่งน้ำหน้าเรา ลู่วิ่งครั้งนี้อาจจะมีทั้งทางตรง ทางเลี้ยว ทางอ้อม รวมไปทั้งการวนกลับมาจุดเดิมจนบางทีเราอาจจะสงสัยว่า “วิ่งตรง ๆ ไม่ได้หรือ” ก่อนที่จะเข้าเส้นชัยในตอนจบ แต่พอเราพักเหนื่อยที่เส้นชัยแล้วมองย้อนกลับไปตามทางที่เราวิ่งมา มันก็เป็นการวิ่งที่โอเค มีสันสัน และไม่น่าเบื่อหน่ายเหมือนวิ่ง

ขอขอบคุณเว็บวิจารณ์ Bark and Bite ที่เอื้อเฟื้อให้แบ่งปันกันอ่าน
สนใจติดตามอ่านวิจารณ์งานละครและหนังอย่างไร้ความปรานีได้ที่นี่
http://www.barkandbite.net/

RUN preview

วีคนี้วีคสุดท้าย เหลืออีกเพียง 5 รอบ เท่านั้น กับ RUN
31 ก.ค. และ 1, 2 ส.ค.
เวลา:19.30 และ 14.30 น.
ขอนำรีวิวของ RUN ในเดอะเนชั่นมาลงให้อ่านกัน



We're all on the RUN
written by Pawit Mahasarinand
published in DAILY EXPRESS on Friday, July 17, 2009

A new troupe debuts with an experimental theatre focusing on a gay relationship.
"Run" is the debut production of a theatre troupe called numen.n.co, formed by Krisana "Num" Punpeng, a seasoned actor, lecturer at Dhurakij Pundit University and a PhD candidate in performance practice at the University of Exeter.
"Run" features 13 scenes of various length utilising different performance styles—spoken word, movement, dance, etc.
"It's like an experiment and I’m sure after this we’ll keep on improving," says Num. " I’ve been involved in stage productions of various styles, and I think many styles can be presented coherently in one work."
"There are certain moments in life," says the poster, "when you feel a sudden urge to run." The tagline continues, “Recapture those moments through a dazzling montage of love, (homo)sexuality, affection, loss, lust and all those juicy melodramatic shenanigans in contemporary everyday life.”
"It's about the relationship of two people, a man and a man," Num says, "like a journey from the beginning to the end."
“I like the word ‘run’. It has many meanings, as in ‘running to something’, ‘running away from someone’, or ‘running a business.’ We use this word very often in our life.”

Joining him are Varanyoo "Ball" Intrakamhang, a member of B-Floor Theatre whose acting and movement were solid additions to the recent "Sunflower" and "Something Else", and Naiyaphorn "Am" Channivet, a Chulalongkorn University communication arts graduate and cast member in Khandha Arts 'n Theatre's multidisciplinary production "Mae Nam".

"The first scene," Num says of "Run", "is about attraction, showing the two men's interactions during love at first sight. Later on there's a scene about fascination, showing what's happening during the early stage of the relationship. This is presented by a solo narrative dance by Am.”

"Although the two main characters are male, the presence of a female gives this work a broader perspective. In some scenes she appears like a character, in others as an object and a motion.”
"In the end, 'Run' is applicable to any heterosexual relationship, or even that of a woman and a woman as well."

"Run" is at Crescent Moon Space at the Pridi Banomyong Institute (BTS: Thong Lor) from July 24 to 26 and July 31 to August 2. Shows are at 7:30pm, with 2:30 pm matinees on the weekends. Tickets cost Bt250 (Bt200 for students). Call 08 1899 7111 for reservation.

Friday 24 July 2009

An exploeration of Theatre "RUN"

RUN จะเริ่มแล้ว
วันนี้เสนอเป็นรอบแรก เวลา 19.30 น.


เก็บคำบอกเล่าของผู้กำกับมาฝาก


"อาจจะเป็นข้ออ้างที่น่าเบื่อสำหรับการผลิตผลงานการแดง แต่คำว่า an exploration of theatre เป็นคำที่ผมคิดว่าเหมาะสมที่สุดในการบรรยายคุณลักษณะของผลงานชื้นนี้

'การค้นหา' หรือ 'การทดลอง' ในครั้งนี้ไม่ใช่ของผมหรือนักแสดงในเรื่องนี้เท่านั้น แต่เป็นของท่านผู้ชมทุกท่านด้วย"
- หนุ่ม กฤษณะ พันธุ์เพ็ง


เก็บรูปจากการซ้อมใหญ่มาให้ดูสักเล็กน้อย








ภาพถ่ายโดย วิชย อาทมาท

Tuesday 21 July 2009

มา Run กัน...เริ่มศุกร์นี้


ละครโรงเล็ก Crescent Moon space
จะเริ่ม RUN ละครเรื่องใหม่ เริ่มรอบแรกวันศุกร์นี้ ทุ่มครึ่ง
เสาร์-อาทิตย์
รอบบ่ายสองครึ่งกับทุ่มครึ่ง


"...พี่ฮะผมเหนื่อยย
วิ่งไปอย่าได้ถอย
ขอพักเดี๋ยวนึงสิ...
ไม่ได้...ถ้าพักแล้วจะไม่ได้ลุกขึ้นมาอีกเรยนะ
แต่ผมไม่ไหวละฮะ...ฝะ...ฝากที่เหลือด้วยยยย
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย"



ภาพการอบรมออกแบบแสง






ภาพจาการอบรมออกแบบแสงเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม จะเห็นว่าการอยู่บนที่สูงได้คือ คุณสมบัติที่คนทำไฟควรจะมีค่ะ






Monday 6 July 2009

เราพร้อมแล้วที่จะ run



เราพร้อมแล้วว!!
ที่จะ...

run

"เสียงปืนดัง ปัง
เราจูงมือกัน...ออกวิ่ง
หนึ่งร้อยเมตรผ่านไป...
เธอสะดุดก้อนขี้หมาแห้งชิ้นใหญ่ แล้วล้มลง
ฉันรอ...
เธอบอกว่าขี้หมาแห้งมันสวยดี ขอหยุดชื่นชม
ฉันรอ...
เธอบอกให้ฉันลองดม...
ฉันบอกว่าไม่ แล้ววิ่งต่อไป..."

เรื่องราวการ run ใน relationship ของคนสองคน
ผ่านการนำเสนอในรูปแบบการแสดงสไตล์ผสม อย่างมีศิลปะ(แบบเบาๆ)

มาร่วมการวิ่งสู้หวัด 2009 ในวันและเวลาดังต่อไปนี้

ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ 24, 25, 26, 31 ก.ค. และ 1, 2 ส.ค. (10 รอบ)

เวลา:19.30 และ 14.30
บัตรราคา (ถูกม๊ากกกกก) 250 บาท และ 200 (นักเรียน นักศึกษา)


@ โรงละครพระจันทร์เสี้ยว สถาบันปรีดี พนมยงค์ ทองหล่อ
สอบถาม และจองบัตร: 081-899-7111

Saturday 4 July 2009

อบรมออกแบบแสง


เปิดทำการอบรมออกแบบแสง Stage Lighting Design เป็นวันแรก เรามีผู้เข้าร่วมอบรมกับเราทั้งหมด 12 คน คอร์สนี้สอนโดย พี่แอ๋ม ทวิทธิ์ เกษประไพ ทำงานด้านเทคนิคและระบบแสงมาเกือบยี่สิบปี เป็นผู้กำกับเทคนิคและออกแบบแสงให้พระจันทร์เสี้ยวการละคร และละครเวทีอีกหลายๆเรื่อง เรื่องล่าสุด Left Out และเรื่องต่อไปคือ Run และ โครงการละครเวทีไทย-ญี่ปุ่นเรื่อง "สาวชาวนา" ซึ่งจะทำการแสดงที่กรุงเทพ และ โตเกียว