welcome to crescent moon space

welcome to crescent moon space
small but beautiful small alternative space for theatre lovers

Monday, 29 June 2009

RUN new poster


run
directed by Num Grisana Punpeng

'run is the fun way to go'
There are certain moments in life that you feel a sudden urge to run. Recapture those feelings through a dazzling montage of love, (homo) sexuality, affection, loss, lust and all those juicy melodramatic shenanigans in contemporary everyday life.

Dates:24, 25, 26, 31 July and 1, 2 August (10 performances)
Time:19.30 and 14.30 (additional afternoon performances on Saturdays and Sundays)
Tickets:250 / 200 (students)

@ Crescent Moon Theatre Space,
Pridi Banomyong Institute, Thonglor

More info and booking: 081-899-7111

Supported by Crescent Moon Space and Dhurakij Pundit University


แจ้งเรื่องเว็บไซด์ของพระจันทร์เสี้ยวการละคร

สวัสดีค่ะ แฟนๆและคนรักละครทุกท่าน

ทางพระจันทร์เสี้ยวการละคร ขอแจ้งเรื่องเว็บไซด์ของเราขัดข้อง คงใช้เวลา อีก 2-3 วัน ถึงจะเข้าได้ ช่วงนี้ติดตามข่าวละครของละครโรงเล็กและพูดคุยกันได้ที่นี่

http://www.crescentmoonspace.blogspot.com/

เดือนหน้า โปรดติดตามการแสดงชุดใหม่แกะกล่อง "Run" โดย อ.หนุ่ม กฤษณะ พันธุ์เพ็ง และ บอล วรัญญู อินทรกำแหง สองวีคสุดท้ายของกรกฎาคมนี้

เดือนสิงหาคม จะมีละครใหม่อีกสองเรื่อง เรื่องแรกแสดงโดยนักแสดงหญิงล้วนฃื่อเรื่อง "ช่อมาลีรำลึก" กำกับโดย ปานรัตน กริชชาญฃัย ส่วนอีกเรื่องแสดงโดยนักแสดงชายล้วนเรื่อง "เชียร์แหลก" กำกับโดย กวินธร แสงสาคร จากพระจันทร์เสี้ยวการละคร

ติดตามความน่าสนใจของทุกเรื่องได้ที่นี่ เร็วๆนี้


Tuesday, 16 June 2009

RUN Next program in July

RUN
การแสดงชิ้นใหม่จะลงโรงสองวีคสุดท้ายเดือนกรกฎาคมนี้
ที่ละครโรงเล็ก Crescent Moon space



‘Run is the fun way out’a ‘juicy’ performance devised by Num Grisana and Ball Varunyoo

There are certain moments in life that you feel a sudden urge to run.Recapture those feelings through a dazzling montage of love, (homo) sexuality, affection, loss, lust and all those juicy melodramatic shenanigans in contemporary everyday life.

Date:24, 25, 26, 31 July and 1, 2 August (10 performances)
Time:19.30 and 14.30 (only on Saturdays and Sundays)
Tickets:250 / 200 (students)

@ Crescent Moon Theatre SpacePridi Banomyong Institute, Thonglor

More info and booking: 081-899-7111


Monday, 15 June 2009

Left Out – สูจิบัตร

Left Out:
A Body Talk from InsideA Combination of Dance, Film and Mind
Processed and Directed by Dujdao Vadhanapakorn
Supported by Crescent Moon space





Dujdao Vadhanapakorn – Directed/ Co-performer
A core member of B Floor Theatre Group and A Registered Dance Movement TherapistRecent works: Something else: An Experimental Performance (directed), Memoment (produced/ co-performer), San-Dan-Ka (co-performer), etc..

Sineenadh Keitprapai – Co-performer
Silpathorn Awarded Artist in Performing Arts 2008 and currently an artistic director of Crescent Moon theatre and Crescent Moon space. Her famous performance is Venus Party which has been performed in many international festivals. This year, this performance will be performed in Seoul Fringe Festival 2009.


Manussa Vorasingha – Film Artist
Graduated from the Faculty of Journalism and Mass Communications Major in Film and PhotographyMany of his works, such as, Post-it, Cinderella, My Dear Enemy, etc.. had been awarded and screened in many international festivals, for instance, International Film Festival Rotterdam 2006, International Short Film Festival Berlin 2006, Sapporo International Short Film Festival 2007.

Kantee Anantagant – Music Artist
A music composer, the owner of Demo Crazy Studio and a member of The Cucumber The Killer
Sakarin Srimuang – A guitarist of the Silver black Band
Sunadda Jan-la-or - Saxophonist of the CU Single Reed Band

Tawit Keitprapai – Technical Director and Lighting Designer
A Technical director and lighting designer of Crescent Moon Theatre and Crescent Moon space

Alongkorn Sriprasert (Graphic Design)
Buranit Thinjana (Stage Manager)
Fareeda Jiraphan (House Manager and Ticket)
Sukanya Piensri (Staff)Nopphan Boonyai (Guest Performer)

Special Thanks to:
Pridi Banomyong Institute
Crescent Moon space and Crescent Moon Theatre
B-Floor Theatre
Somboon Family
Fuangfa Vadhanapakorn
Volunteers of the Crescent Moon Theatre


"Something left unsaid doesn’t mean that they don’t exist.When my body cannot deny the existence of unspeakable facts,It just needs space to have a talk.

Moral role boundaries of being a mother, wife, working woman, daughter, sister and girlfriend in Thai society can distort and reshape many facts in mind. Can you believe that?

Do not Judge..

Just Experience.."

Sunday, 14 June 2009

Left Out วันนี้รอบสุดท้าย


เดินทางมาถึงรอบที่ 10 รอบสุดท้ายแล้วกับ Left Out

Friday, 12 June 2009

Stage Lighting Design Workshop



พระจันทร์เสี้ยวการละคร จัดอบรมออกแบบแสง

Stage Lighting Design

4-8 กรกฎาคม
เวลา 13:00-20:00 น.
ที่ละครโรงเล็ก Crescent Moon Space
สถาบันปรีดี พนมยงค์ สุขุมวิท 55 (ซอยทองหล่อ)


โทร. 083 995 6040


Thursday, 11 June 2009

บทวิจารณ์ - Left Out

มาแล้วกับบทวิจารณ์อย่างไร้ความปราณีจากเว็บไซด์ใหม่ล่าสุด Bark n'Bite ที่นักวิจารณ์หนุ่มไฟแรงทุ่มเทเปิดเว็บไซด์เพื่อเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนประสบการณ์การวิจารณ์งานละครเวที และ ภาพยนตร์ ติดตามอ่านบทวิจารณ์และข่าวสารทางการละครได้ที่นี่

http://www.barkandbite.net/


เราขอทาง Bark n' Bite นำบทวิจารณ์ Left Out มาลงที่นี่


Left Out: สื่อสารแบบแหวกแนว
Written by Nuttaputch


ยอมรับว่าช่วงหลัง ๆ เราจะเห็นกลุ่มละครนอกกระแสหันมาสร้างงานที่เป็น Contemporary มากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งการดัดแปลงบทไม่ให้จำกัดอยู่แค่การพูดการจาแบบบทสนทนาปรกติ การสร้างอะไรที่ "เหนือความจริง" รวมถึงการผสมผสานของ Multimedia ในการเล่าเรื่องราวต่าง ๆ


Left Out จากฝีมือการกำักับของ ดุจดาว วัฒนปกรณ์ ก็เช่นเดียวกัน ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรถ้าผมจะเปิดดูข้อมูลและเห็นคำโปรยว่า Dance + Film + Mind = Left Out

เอาล่ะ ผมก็เลยได้มีโอกาสไปดูละครเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมาในโรงละครเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า Crescent Moon Space ซึ่งตลอดการแสดงร่วมชั่วโมงของ Left Out ผมก็ได้พบความจริงตามที่คำโปรยบอกนั่นแหละ เพราะนี่การผสมผสานรูปลักษณ์ใหม่ ๆ ที่พยายามจะสื่อสารกับคนดูโดยไม่ต้องพึ่งพาการสื่อสารแบบที่เราเห็นกันทั่ว ๆ ไปในชีวิตประจำวัน

Left Out เริ่มด้วยการนำเสนอที่ค่อนข้างจะงง ๆ งวย ๆ กันคนดูอยู่ไม่น้อยที่มีแอร์โฮสเตส (หรือเปล่า?) มานำเสนอวิธีการดูละครที่ไม่ค่อยจะเหมือนกับที่เราไปดูละครปรกติประเภทเอนกายนอนเหยียดแล้วก็ทอดสายตาไปเรื่อย ๆ เพราะระหว่างการแสดงมีกิจกรรมอะไรให้เราทำร่วมกับละครไปด้วย!! และเมื่อละครเริ่ม เราก็จะเริ่มเห็นความแปลกประหลาดมากขึ้นไปอีกเพราะละครเรื่องนี้แทบจะไม่มีบทพูดอะไรเลยเว้นแต่คนที่ไม่ได้อยู่ในเวที!!

เรื่องราวของ Left Out ที่พอจะเล่าแบบสังเขปได้คือความเป็นไปของบ้านหลังหนึ่งอันประกอบด้วยแม่ น้าสาว และลูกสาว ที่อยู่ร่วมกัน ความผิดเพี้ยนเกิดขึ้นเมื่อตัวแม่กับน้าสาวนั้นไม่ยอมพูดยอมจากัน จะแสดงออกกันด้วยวิธีอื่นเสียมากกว่า แถมยังมีการขัดแย้งกันอยู่ลึก ๆ อีกด้วย จะมีเพียงลูกสาวที่ออกมาในภาพยนต์ที่ฉายอยู่เป็นฉากหลังซึ่งจะมาอธิบายเราว่าเกิดอะไรขึ้นและเล่าความเป็นอยู่ของบ้านหลังนี้


และเมื่อละครดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ประเด็นความขัดแย้งระหว่างผู้หญิงสองคนที่อยู่บนเวทีก็จะเริ่มแสดงออกมาผ่านกระบวนการสื่อสารด้วยร่างกายและสื่อต่าง ๆ (แต่ไม่มีการพูดการจากันนะครับ) นอกจากนี้ละครก็ใช้สื่อภาพยนต์ที่ฉายเป็นฉากหลังในการนำเสนอภาพต่าง ๆ ที่เปรียบเสมือนกับความคิดและจิตใจที่ซ่อนเร้นอยู่ในจิตใจของตัวละครออกมา

และก่อนที่ละครจะให้ผู้ชมดำดิ่งจนลึกเกินไปกับจิตใจที่ขัดแย้งและมืดหม่นของตัวละคร ละครก็ขมวดทุกอย่างและเฉลยในตอนท้ายถึงปัญหาและที่มาของความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในเรื่อง ว่าเกิดจากปมบางอย่างในวัยเด็กและฝังลึกในทั้งแม่และน้าสาวจนคาราคาซังเช่นในทุกวันนี้
จุดที่ค่อนข้างจะโดดเด่นของ Left Out คือการใช้วิธีการสื่อสารที่ฉีกไปจากสิ่งที่เราหาดูกันได้ทั่ว ๆ ไปในละครเวที โดยปรกติแล้วเราอาจจะเห็นละครเพลงที่ใช้เพลงในการสื่อสาร หรือละครที่ใช้บทสนทนาเล่าเรื่องและความคิดของตัวละคร แต่ Left Out กลับใช้ลักษณะของ Physical Theatre ที่เน้นการใช้ร่างกาย (Body) สื่อสารออกมาถึงสภาวะจิตใจตัวละคร ผ่านการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ทั้งปรกติและไม่ปรกติ ซึ่งเราจะเตะตาและใช้สมองครุ่นคิดกับอย่างหลังเอาเสียมาก

ความจริงแล้ว เวลาที่เราต้องดูละครหรือการแสดงที่เป็น Contemporary Theatre อาจจะต้องใช้ "ภาวะ" และ "การเข้าถึง" ค่อนข้างจะแตกต่างออกไปการชมละครปรกติ ผมมองว่ามันก็เป็นประสบการณ์แปลกใหม่ที่น่าสนใจ เพราะแทนที่เราจะนั่งตีความคำพูดและเหตุผลจากบทสนทนา เรากลับต้องเปิดใจรับการสื่อสารที่มากขึ้นเพื่อรับสารที่ออกมาในลักษณะของ "ภาพ" ที่มากกว่าเสียง และคงไม่แปลกถ้าจะมีใครวกกลับไปคิดว่าการดูละครประเภทนี้เสมือนกับดูงานศิลปะแบบ Post Modern แบบที่นั่งมองและตีความไปได้่ต่าง ๆ นานามากมาย
และนั่นคงเป็นเสน่ห์ที่สำคัญของ Left Out ด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้แล้ว ดูท่าทางผู้กำกับก็พอจะเข้าใจประเด็นของข้อจำกัดในการเสพศิลปะประเภทนี้เหมือนกันที่ว่าหากคนดูไม่มีพื้นฐานที่มากพอก็จะหลงทางประเภทกู่ไม่กลับเลยก็เป็นไปได้ ฉะนั้นละครจึงมีการหยอดคำใบ้ของเรื่องราว รวมทั้งบทสรุปแบบกึ่ง ๆ ชี้ทางสว่างให้คนดูที่ชั่วโมงบินยังไม่สูงพอจะจับต้องและคลำทางไปได้เรื่อย ๆ

ไม่เช่นนั้นแล้วก็คงจะกลายเป็นงานศิลปะสมัยใหม่จัด ๆ ที่เรียกว่าดูไม่รู้เรื่่องกันเลยได้ง่าย ๆ
ส่วนผสมสำคัญที่ทำให้ละครเรื่องนี้โลดเล่นได้คือการแสดงอย่างทรงพลังของสองนักแสดงมากประสบการณ์อย่าง สินีนาฏ เกษประไพ และ ดุจดาว วัฒนปกรณ์ ซึ่งชื่อชั้นของทั้งสองคนก็เป็นที่รู้จักกันอยู่แล้วของวงการละครเวทีนอกกระแสในเมืองไทย ยิ่งถ้าเราได้เห็นทั้งสองแสดงในรูปแบบที่ต้องใช้ความตั้งใจและความสามารถมาก ๆ อย่างละครเรื่องนี้ ก็จะยิ่งทำให้เราไปเห็นถึงศักยภาพของพวกเธอที่มากขึ้นไปอีก ซึ่งโดยส่วนตัวผมแล้ว ผมค่อนข้างจะทึ่งอยู่พอสมควรกับใช้ร่างกายเพื่อการสื่อสารที่มีความละเอียดมากพอสมควร แม้ว่าหลาย ๆ ฉากจะตึงตังและรุนแรง แต่ก็มีพลังและคงไว้ซึ่งแก่นสารไม่ใช่เป็นการออกมาเต้น ๆ ให้จบ ๆ ไปแต่อย่างใด
อีกสิ่่งหนึ่งที่เป็นจุดสนใจไม่แพ้กันคือภาพยนต์ที่ฉายอยู่ฉากหลังนั้น ก็ทำหน้าที่อย่างดีในการช่วยหนุนและเสริมความรู้สึกของแต่ละฉากออกมา เช่นการฉายภาพการทำคลอด การทำศัลยกรรม ฯลฯ ซึ่งหลาย ๆ ครั้งก็กลายเป็นสัญลักษณ์ที่มันความหมายลึกซึ้งจนต้องครุ่นคิดกันพอสมควร และเราจะพบในท้ายที่สุดว่าถ้าขาดองค์ประกอบนี้ไป ละครก็อาจจะดูไม่รู้เรืื่องกันเลยก็ว่าได้

แต่เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว ก็ต้องเตือนกันอยู่บ้างว่าละคร Left Out อาจจะเป็นการแสดงที่มีชั้นเชิงของศิลปะที่ค่อนข้างจะสูงอยู่พอสมควร ผู้เขียนเมื่อเดินออกจากโรงละครก็ย้อนคิดว่านี่อาจจะเป็นละครที่ไม่ค่อยจะเหมาะกับผู้ที่เพิ่งเริ่มดูหรือสัมผัสกับศิลปะการแสดงเสียเท่าไร แม้ว่าละครเรื่องนี้จะเต็มไปด้วยประเด็นที่ดี การแสดงคุณภาพ รวมถึงการผสมผสานสิ่งแปลกใหม่เข้าไป แต่นั่นก็ออกจะเป็นการฉีกกฏเกณฑ์ที่เราคุ้น ๆ กันกับงานศิลปะในชีวิตประจำวัน ซึ่งต้องใช้การเปิดกว้างทั้งความ จิตใจ และจินตนาการอยู่พอสมควร

อย่างไรเสีย ถ้ามองว่านี่คือหนึ่งในงานศิลปะทางเลือกแล้ว Left Out ก็เป็นงานที่ถือว่า แปลก ใหม่ สด และน่าสนใจอยู่อย่างมากทีเดียวเชียว





Monday, 8 June 2009

ผู้กำกับ - LEFT OUT


ทำความรู้จักกับ ดุจดาว วัฒนปกรณ์ ผู้กำกับการแสดงชุด Left Out มาฟังเธอพูดผ่านบทสัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์ Post Today

คลิ๊กเข้าไปอ่านได้ที่นี่

Friday, 5 June 2009

Left Out - ภาพจากการแสดงรอบแรก

เปิดแสดงไปแล้ว 2 รอบ กับ Left Out ดูภาพถ่ายจากการแสดงรอบแรกได้ที่นี่




























ส่วนภาพสุดท้ายนี้คือ โฉมหน้า นักดนตรี, ทีมงาน และคนทำหนัง

ภาพถ่ายโดย พลัฐ สังขกร


Monday, 1 June 2009

Left Out - Preview

The REST of the STORY

Theatre Preview
written by Pawit Mahasarinand
published in Daily Xpress on Friday, May 29, 2009






'Left Out' fills in the gaps--what your mother didn't tell you.
Actress, director and dance-movement therapist Dujdao "Dao" Vadhanapakorn follows up on the recent success of "Something Else" with a new work titled "Left Out", described as "a body talk from inside" and "a combination of dance, film and mind".


“I was inspired by my mother's stories," says Dao. "Things are often 'left out' of conversations, but I believe they should be told. The fact that they're not told doesn't mean they don't exist. These stories, including thoughts and feelings, are actually imprinted in many parts of our bodies.”
“But then, I've never been a mother!”

Dao does have a mum as a collaborator, though: Silpathorn Award-winning actress and director Sineenadh Keitprapai, the artistic director at Crescent Moon.
Scheduling conflicts blocked the original notion to stage a performance around Mother's Day, and then, says Dao, "it developed into something more than a mother's stories - we started to explore what else is left out in women's roles in society".



“We began from sharing, in-depth, our personal stories. Given this highly personal nature, I used techniques from dance movement therapy [that I learned from University of London’s Goldsmiths College] to adjust the rehearsal space so she felt safe in sharing with me what she usually doesn’t speak of. From the start, I guaranteed to her that it’s not a therapy and that the process would be safe, and she’s had complete trust in me.”

“We spent about a month on this, and from it, we had images, information, feelings, and movements to develop characters and script. I wanted to make sure that she’s performing not only herself. Plus, the [‘left out’] stories will not be directly and explicitly told in spoken words, but suggested and communicated through movements.”

From what she revealed, and from Dao's own experiences, evolved characters and a script. “As a woman, at this age, in this society, I also have many that cannot be spoken of. For example, I wanted to share with someone, or to seek their advice on sex, but I couldn’t.”



The "left-out" stories will be communicated through movement and a short film by Manussa Vorasingha, with which the performers will interact.
"Left Out" also features original music by veteran composer Gandhi Anantakarn.

Despite its all-female cast and crew, Dao doesn't want to call "Left Out" a feminist production. "I think it depends on your definition of 'feminism'. We're just interested in communicating, through physical movement, some sensitive issues that are rarely dealt with. And [unlike the highly creative performance space of “Something Else”] we’re telling these stories in straightforward and simple ways.”

"Left Out" is at Crescent Moon Space at the Pridi Banomyong Institute from Wednesday, June 3 through Sunday, June 7 and again from June 10 to 14, nightly at 7:30pm.

Tickets are Bt300 (Bt200 for students)
at 08 1525 7671
and www.CrescentMoonTheatre.com