welcome to crescent moon space

welcome to crescent moon space
small but beautiful small alternative space for theatre lovers

Wednesday 23 December 2009

บทความจากผู้ชม "ไฟล้างบาป"


ละครที่ผู้หญิงเขียนบท
เขียนโดย อาโด๊ด

จากบล๊อกโอเคเนชั่น


ผมเคยตั้งคำถามมานานแล้วว่า ทำไมจึงไม่มีครูเพลงลูกทุ่งผู้หญิงเลย เห็นมีแต่ครูเพลงผู้ชายแต่งเพลงให้ผู้หญิงร้อง เนื้อเพลงครวญคราง หนาวอย่างนั้น เหงาอย่างนี้ คิดถึง น้อยใจ เสียใจ อาลัยรัก เมื่อไหร่จะมาขอ เขยิบเข้ามาซิ รออยู่นะจ๊ะ... สงสัยว่าผู้หญิงเขาคิดกันอย่างนั้นจริงๆ หรือเปล่า

วันก่อนมีโอกาสได้ตามเพื่อนไปดูละครเวที บังเอิญว่าเป็นละครที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับวิธีคิดของผู้หญิง เขียนบท กำกับ และแสดงโดยผู้หญิง ได้แง่มุมหลายอย่างที่น่าสนใจ บางทีผู้ชายอย่างเราอาจต้องเก็บเอามาคิดทบทวนให้ดีหากเรายังยึดมั่นอยู่กับค่านิยมทางสังคมที่มองว่าผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า

ผมไม่คิดว่าละครเวทีเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ผู้หญิงเขียนบท เพียงแต่ผมเพิ่งได้ดูเป็นครั้งแรก ต่างจากภาพยนต์และละครโทรทัศน์ที่มีการเขียนบทเองบ้าง นำโครงเรื่องมาจากหนังสือนิยายบ้าง ซึ่งนิยายส่วนใหญ่โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับชีวิตและความรักทั้งหลายทุกวันนี้ก็เขียนโดยนักเขียนผู้หญิงทั้งนั้น เพียงแต่ไม่ค่อยเห็นว่าภาพยนต์และละครที่ผ่านมาจะเขียนในมุมมองของผู้หญิงสักเท่าไหร่ เนื้อหาส่วนใหญ่ยอมจำนนอยู่ภายใต้วาทกรรมชายเป็นใหญ่ทั้งนั้น

ไฟล้างบาป คือละครที่ผมพูดถึง เวลาราว 30 นาทีในโรงละครห้องเล็กในสถาบันปรีดีเมื่อสัปดาห์ก่อน มีคนดูแค่ 20 คน ซึ่งไม่แน่ใจว่าคุ้มค่าเช่าหรือไม่ ภาพที่เห็นไม่อลังการงานสร้างอย่างละครคุณหนูขาใหญ่ไฮโซ มีตัวละครเพียง 4 ตัว ระบบแสงเสียงไม่ซับซ้อน ผมซึ่งไม่มีความรู้ด้านการละครมาก่อนยอมรับว่าดูละครเวทีไม่เป็น แต่ดูไปดูมากลับรู้สึกสนุก สนุกที่ได้ยินความคิดดังๆ แบบผู้หญิง เขาปล่อยให้คิดอย่างไม่ยัดเยียด ก็เลยรู้สึกคุ้มที่ได้ดู (คุ้มแน่นอน เพราะเพื่อนออกค่าบัตรให้)

ละครฉากแรกเริ่มต้นตรงที่หญิงสาว 3 คน นอนแผ่หราอยู่บนพื้น รอบตัวแต่ละคนมีเส้นสีขาวล้อมรอบเหมือนอย่างที่ตำรวจชอบทำเวลาเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน

หญิงสาวคนแรก เป็นสาวใช้ ที่ถูกทรชนรุมโทรม ต้องหาทางออกมาจากหน้าต่างอาคารสูงราว 20 ชั้น

ป้าทอม เป็นหญิงสาวรายที่สองที่ถูกแฟนสาวตีจาก ประชดชีวิตด้วยการวิ่งตัดหน้ารถยนต์ที่วิ่งสวนมาด้วยความเร็วสูง

ดาราซุปเปอร์สตาร์ เป็นหญิงสาวคนสุดท้าย เธอถูกสังคมคาดหวัง และถูกกระทำจากกระบวนการสร้างข่าวของสื่อมวลชน ต้องกินยาเป็นกำมือเพื่อให้หลับลงได้แต่ละคืน

เมื่อทั้งสามรู้สึกตัวขึ้น ต่างก็สับสนว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ตื่นตระหนก หวาดกลัว และปฏิเสธภาพที่เห็นตรงหน้า ต่างรู้สึกเสียดายชีวิต พอได้สติทั้งสามคนก็เริ่มหันหน้าพูดคุยแลกเปลี่ยน ทบทวนถึงสาเหตุที่ทำให้พวกเธอต้องมาอยู่ยังสถานที่นั้น โดยที่ทุกคนก็ยังคงไม่ละทิ้งตัวตน บางคนยังห่วงงาน บางคนยังเชื่อในการตัดสินใจของตน และบางคนยังคิดว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่น

หลังพูดคุยปรับทุกข์เรียนรู้กันพักใหญ่ทำให้เข้าอกเข้าใจกันมากขึ้น พวกเธอเริ่มทำใจได้ ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังสนั่นอากาศเบื้องบนแยกตัว มีกะละมัง 3 ใบ และผ้ากองโตตกลงมาจากข้างบน พวกเธอเข้าใจว่าสถานที่พวกเธออยู่นั้นคือ นรก และกำลังถูกนรกลงโทษในความผิด จึงจำยอมนั่งซักผ้าอย่างเอาเป็นเอาตาย ระหว่างนั้นพวกเธอต่างยอมรับในความผิดของตน

หญิงสาวใช้ รู้สึกผิดที่ตัวเองถูกทรชนรุมข่มขืน ทำให้เธอต้องเป็นคนบาป
หญิงสาวห้าว รู้สึกผิดที่เธอมีรสนิยมในเพศเดียวกันทั้งที่รู้ว่าผิดครรลองของสังคม
หญิงสาวซุปเปอร์สตาร์ รู้สึกผิดที่เธอตกเป็นข่าวกับดาราชายมากหน้าหลายตา

ในที่สุดจากการพูดคุยปรับทุกข์ของหญิงสาวทั้งสามก็เปลี่ยนไปเป็นการตำหนิการทำงานของนรกที่ไม่เป็นธรรมกับพวกเธอ พวกเธอเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจออกมาชี้แจง

เสียงดังสนั่นอีกครั้ง อากาศเบื้องบนแยกออก ปรากฏ “สิ่งศักดิ์สิทธิ์” ในร่างผู้หญิงชุดขาวเข้ามาใกล้พวกเธอ ทั้งสามคนแปลกใจที่เห็นยมบาลเป็นผู้หญิง เพราะนิทานและเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับยมบาลทั้งหลายต่างระบุตรงกันว่ายมบาลเป็นผู้ชาย แต่ก็ได้รับคำชี้แจงว่า ไม่เคยมีข้อกำหนดมาก่อนว่ายมบาลต้องเป็นผู้ชาย สถานที่ทุกคนอยู่นั้นก็ไม่ได้เรียกว่านรกหรือสวรรค์ ไม่มีการลงโทษ และก็ไม่มีใครสั่งให้พวกเธอต้องซักผ้าด้วย สรุปว่าพวกเธอคิดไปเอง เข้าใจไปเอง และทำไปเองตามความเคยชิน สถานที่นั้นเป็นแต่ความว่างเปล่า ไม่มีข้อกำหนดกฏเกณฑ์ทางสังคม “สิ่งศักดิ์สิทธิ์” ชี้แจงว่า ทุกคนสามารถคิดและตัดสินใจได้ด้วยตนเองในทุกเรื่อง หากสิ่งนั้นๆ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ตัวเองและใครก็ตาม

ละครเรื่องนี้จบลงด้วยการสะท้อนมุมมองของผู้หญิงจากที่เคยทำสิ่งต่างๆ ด้วยความเคยชินมาตลอดทั้งชีวิต นอกจากคิดไปตามกรอบที่ผู้ชายกำหนดให้แล้ว ผู้หญิงก็ยังเป็นฝ่ายรักษากรอบคิดนั้นเอาไว้อย่างเคร่งครัด โดยนำมาใช้เป็นเครื่องมือควบคุมผู้หญิงด้วยกันเองให้อยู่ในกรอบที่ผู้ชายกำหนด ผู้หญิงที่คิดและทำต่างออกไปก็จะถูกมองว่าล่วงละเมิดจารีต แม้แต่ผู้หญิงที่ถูกผู้ชายกระทำเองก็ยังรู้สึกว่าเป็นความผิดบาปของตน ทั้งที่เป็นฝ่ายถูกกระทำ รวมทั้งไม่ได้เป็นผู้กำหนดจารีตอันนั้นขึ้นแม้แต่น้อย

ขอขอบคุณ คุณอาโด๊ด สำหรับเสียงสะท้อนจากผู้ชม

ดูเพิ่มเติมได้ที่
http://www.oknation.net/blog/r-dote/2009/12/18/entry-1

No comments: