จาก "คอยโกโดต์" ก่อนจะไปถึง "คอย ก.ด."
: แนะนำเรื่องเดิมก่อนจะไปดู
: แนะนำเรื่องเดิมก่อนจะไปดู
Waiting for Godot
บทกล่าวนำโดย ปานรัตน กริชชาญชัย
Waiting for Godot เป็นบทละครชิ้นเอกของ Samuel Beckett ได้รับการยกย่องว่าเป็นบทละครที่โดดเด่นที่สุดเรื่องหนึ่งของศตวรรษที่ 20 เนื้อเรื่องมีสององก์ด้วยกัน กล่าวถึงตัวละครหลักสองตัว คือVladimir และEstragon ที่มารอคอยคนชื่อ Godot ในระหว่างที่รอพวกเขาทั้งสองก็พยายามหาอะไรทำไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นหาของกิน นอนหลับ คุย ทะเลาะ ร้องเพลง เล่นเกม หรือแม้กระทั่งคิดฆ่าตัวตาย ระหว่างรอ Pozzo และ Lucky ได้เดินทางผ่านมา และมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายจนถึงตอนจบได้มีเด็กชายคนหนึ่งนำความมาบอกว่าวันนี้ Godot จะไม่มาแต่จะมาพรุ่งนี้แน่นอน ส่วนองก์ที่สอง เป็นเรื่องราวของวันต่อมา ทั้งคู่ยังคงมารอเหมือนเดิม Estragon จำเรื่องราวของเมื่อวานไม่ได้เลย Vladimir จึงพยายามรื้อฟื้นความทรงจำให้เขาด้วยวิธีต่างๆ
Pozzo และ Lucky กลับมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ Pozzo ตาบอด ส่วน Lucky เป็นใบ้ เมื่อทั้งคู่จากไป เด็กชายคนเดิมก็เข้ามาบอกว่า วันนี้ Godot จะไม่มา Vladimir และEstragon ตัดสินใจว่าจะแขวนคอตาย แต่ทำไม่สำเร็จ เขาจึงปรึกษากันใหม่ว่าจะมาแขวนคอวันพรุ่งนี้ถ้าหาก Godot ไม่มาอีก ทั้งคู่ตกลงจะไป แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครขยับเขยื้อนเลย
มีการตีความประเด็นของเรื่องออกมาหลากหลาย เช่น เรื่องศาสนา ปรัชญา จิตวิทยา การเมือง สงคราม รวมถึงมุมมองที่เกี่ยวกับสิ่งที่มนุษย์คนหนึ่ง ๆ ต้องประสบพบเจอในชีวิตอีกด้วย จากประเด็นหลังนี้จึงมีผู้ให้คำนิยามบทละครเรื่องนี้ว่าเป็น ‘Tragicomedy’ เนื่องจากในเรื่องตัวละครทุกตัวต้องเผชิญกับทั้งเรื่องดีและร้าย อาทิ การถูกกดขี่ ความล้มเหลว ความโศกเศร้า มิตรภาพ และความหวัง
อีกประเด็นที่มีผู้กล่าวถึงมากที่สุดก็น่าจะเป็นประเด็นเของแนวความคิด Existentialism ซึ่งเชื่อว่าชีวิตคนเรานั้นยากเย็นแสนเข็ญ ไร้ซึ่งจุดหมาย ดังนั้นมนุษย์เราควรจะต้องเป็นคนกำหนดชีวิต และคุณค่าของตัวเองเพื่อความอยู่รอด ไม่มีเทวดาฟ้าดินที่ไหนมาลิขิต หรือช่วยเราได้ อย่างไรก็ตามยังไม่มีข้อสรุปชี้ชัดว่าเรื่องราวในละครต้องการจะสื่ออะไร ส่วนตัว Beckett เองเคยกล่าวไว้สั้น ๆ ว่าเหตุใดจึงต้องไปคิดให้ซับซ้อน ทั้งหมดทั้งมวลนั้นมันคือเรื่องของมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตพวกหนึ่งที่มาอยู่ร่วมกัน และเกิดการพึ่งพาอาศัย จุนเจือซึ่งกันและกันเท่านั้น ทุกสิ่งที่ปรากฏคือเกมที่คนเรามีต่อกัน แต่เขาก็ยอมรับว่าการที่มีผู้พยายามตีความออกมาหลายประเด็นเช่นนี้เองที่ทำให้บทละครเรื่องนี้เปิดกว้างซึ่งถือเป็นจุดเด่นและเป็นเหตุผลของความสำเร็จตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
No comments:
Post a Comment